วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรเเกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (PASCAL)



http://cha3uuky.exteen.com/20110708/entry

ภาษาปาสคาลพัฒนาโดย Niklaus Wirth ในปีค.ศ. 1970 ได้รับความนิยมในสมัยนั้น เนื่องจาก
1.รูปแบบคำสั่งเป็นภาษามนุษย์
2.โปรแกรมมีลักษณะเป็นโครงสร้าง
3.มีตัวแปลภาษาในหลายระบบปฏิบัติงาน

*โครงสร้างของภาษาปาสคาลเบื้องต้น
  แบ่งเป็น 3ส่วนคือ
  1. ส่วนหัวโปรแกรม(Head Part) เป็นการประกาศชื่อของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วยคำว่า PROGRAM ตาม  ด้วยชื่อของโปรแกรม และจบบรรทัดด้วย;
  2. ส่วนประกาศ(Declarations Part) คือส่วนตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึงคำว่า BEGIN ของโปรแกรมหลัก และ  เป็นส่วนที่เรากำหนดค่าต่าง ๆ ดังนี้
   1.VAR เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลให้แก่ตัวแปร
   2.TYPE เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลขึ้นใหม่
   3.CONST เป็นการกำหนดค่าคงที่
   4.LABEL ใช้คู่กับคำสั่ง GOTO ภายในโปรแกรม
  3. ส่วนเขียนคำสั่ง(Statements Part) เป็นส่วนสุดท้ายของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วย “BEGIN” และปิดท้าย  ด้วย “END.”

-ชื่อ (Identifier)
  ชื่อ คือคำที่ตั้งขึ้นเพื่อกำหนดใช้เป็นชื่อของโปรแกรม โปรแกรมย่อย ตัวแปร แบบของตัวแปร และค่า       คงที่

  การตั้งชื่อ
  1. ตัวอักขระ (character) ที่นำมาใช้ คือ ตัวอักษร ตัวเลข และ (_) Underline
  2. จะนำเครื่องหมายใด ๆ มาใช้เป็นชื่อไม่ได้
  3. ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร หรือขีดล่าง
  4. ความยาวของชื่อไม่เกิน 30 ตัว แต่จะมีความหมายเพียง 8 ตัวแรกเท่านั้น

+คำ (Word)
  คำในภาษาปาสคาล แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ
  1. พวกที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ได้แก่ แบบของข้อมูล ตัวแปร และค่าคงที่
  2. พวกที่เกี่ยวกับคำสั่ง ได้แก่ คำสงวน (Reserved word) คำมาตรฐาน (Standard word) คำใหม่ (User       defined word)

-ข้อมูล (Data)
  ภาษาปาสคาล แบ่งประเภทของข้อมูลเป็น 4 แบบ คือ แบบมาตรฐาน แบบผู้เขียนโปรแกรมกำหนด         แบบ  โครงสร้าง และแบบพอยน์เตอร์
  แบบมาตรฐาน เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ในโปรแกรมทั่ว ๆ ไป เป็นข้อมูลที่มีค่าเป็นลำดับที่มีค่ามากน้อย     ตามลำดับ แบ่งเป็น 5 ประเภท
  1. Integer เป็นข้อมูลเลขจำนวนเต็ม
  2. Real เป็นข้อมูลเลขจำนวนจริงมีทศนิยม
  3. Character เป็นข้อมูลตัวอักษร
  4. String เป็นข้อมูลของชุดตัวอักษร เช่น String [30] เป็นการะบุค่าของสตริงว่ามีขนาด 30 ตัวอักษร
  5. Boolean เป็นข้อมูลที่มีค่าเป็นไปได้ 2 ค่า คือ เป็นจริง (true), เป็นเท็จ (false) ตัวดำเนินการ (operators)   ที่ใช้ในภาษาปาสคาล

https://www.phanpha.com/product/
ภาษาปาสคาลอนุญาตให้ผู้เขียนโปรแกรมกำหนดรูปแบบของข้อมูลขึ้นมาใช้งานเฉพาะภายในโปรแกรมได้เอง โดยการประกาศไว้ในคำสั่ง VAR หรือ TYPE แบ่งเป็น 2 แบบ
1. กำหนดแบบใหม่ เป็นการกำหนดรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อใช้เฉพาะโปรแกรมนั้น ๆ
2. กำหนดช่วงของค่าข้อมูล เป็นการกำหนดช่วงของค่าของข้อมูลเฉพาะตัวแปรใดตัวแปรหนึ่งที่ใช้ภายในโปรแกรม


*คำสั่งในการเขียนโปรแกรม

        คำสั่งประกาศตัวแปร
            var a,b,c : integer;
            - ประกาศตัวแปร a,b,c เป็นชนิด integer
            const tax = 0.07;
            - ประกาศตัวแปร tax เป็นชนิดค่าคงที่ และกำหนดค่าเท่ากับ 0.07

        คำสั่งรับค่า
            read(x);
            - รับค่าจากแป้นพิมพ์ เก็บไว้ในตัวแปร x
            readln(y);
            - รับค่าจากแป้นพิมพ์ เก็บไว้ในตัวแปร y แล้วขึ้นบรรทัดใหม่
            readln;
            - คำสั่งรอรับการ enter

        คำสั่งแสดงผล
            write(‘ข้อความ’);
            - สั่งแสดง ข้อความ ออกทางจอภาพ
            writeln(‘ข้อความ’);
            - สั่งแสดง ข้อความ ทางจอภาพ แล้วขึ้นบรรทัดใหม่


  แหล่งอ้างอิง
http://cha3uuky.exteen.com/20110708/entry
http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340204758/lean7.html
http://kroooum.tripod.com/lesson1.htm
http://www.oocities.org/wanida987/pascal.html

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

social network กับนักเรียนและสังคมไทย


http://5632c10054.blogspot.com/p/social-network.html
           Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์  หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย  ผ่านผู้ให้บริการด้านSocial Network บนอินเตอร์เน็ต การเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้น เช่น เราสามารถรู้จักเพื่อนของเพื่อนเราได้  เป็นทอดๆ ต่อไปเรื่อย  ทำให้เกิดสังคมเสมือนจริงขึ้นมา  สามารถสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ได้ง่าย  และเมื่อเราแชร์ ข้อความหรืออะไรก็ตามลงไปในเครือข่าย  ทุกคนในเครือข่ายก็สามารถรับรู้ได้พร้อมกัน  และสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราแชร์ได้
http://mammothbi.co.za/social-networks-vs-social-networking/
ข้อดีของ Social Network
1.สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
2.เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่าง ๆเพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
3.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
4.เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดีโอต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
5.ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือ บริการลูกค้าสำหรับบริษัทและ
องค์กรต่าง ๆ
6.ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ ๆ

http://smartdatacollective.com/mfauscette/
131946/enterprise-social-networks-2013-part-three
ข้อเสียของ Social Network
1.เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล
2.เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต
3.เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆได้
4.ข้อมูลที่ต้องการกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้

        ในส่วนต่อไปจะเป็นการอัพเดทข้อมูลการใช้งาน SOCIAL NETWORK ของคนไทยในแต่ละวัน
http://www.ihdigital.co.th/social-network-thai/

ตอนอยู่บนเตียง (นอนหลับ/กำลังตื่น)
Facebook 80%
Instagram 9%
Twitter 6%
YouTube 5%

ตอนอยู่ในห้องน้ำ
Facebook 66%
YouTube 16%
Instagram 12%
Twitter 6%

ตอนเดินทาง
Facebook 76%
Insgram 10%
YouTube 9%
Twitter 8%

ตอนทำงาน
Facebook 74%
Instagram 10%
Twitter 8%
YouTube 8%

ตอนรอประชุม
Facebook 72%
Instagram 11%
Twitter 9%
YouTube 8%




ผลกระทบของ Social Network ต่อสังคมไทย
1.การใช้Social Network ของคนไทยแบ่งได้ตามจุดประสงค์ดังนี้
   - กลุ่มการเมือง
   - กลุ่มสังคม
   - กลุ่มเผยแพร่ธรรมะ
   - กลุ่มสุขภาพ
   - กลุ่มการค้าและเศรษฐกิจ
   - กลุ่มการศึกษานอกระบบ
2.อาจก่อนให้เกิดความวุ่นวายในสังคม
3.ช่วยให้ได้ความรู้

http://smartdatacollective.com/mfauscette/131946/enterprise-social-networks-2013-part-three

แหล่งอ้างอิง
http://prajuk52334223.blogspot.com/2011/12/social-network.html
http://www.microbrand.co/social-network
http://mammothbi.co.za/social-networks-vs-social-networking/
http://5632c10054.blogspot.com/p/social-network.html
http://smartdatacollective.com/mfauscette/131946/enterprise-social-networks-2013-part-three
http://www.ihdigital.co.th/social-network-thai/

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Messerschmitt 410 (Me410)




Messerschmitt 410



http://www.fiddlersgreen.net/models/aircraft/Messerschmitt-Me410.html

เครื่องบิน Messerschmitt 410 เป็นเครื่องบินขับไล่ของเยอรมัน 2 ที่นั่ง 2 เครื่องยนต์ เครื่องยนต์ใช้ของ Daimler Benz  1850 แรงม้า ทดสอบบินครั้งแรกเมื่อปลายปีค.ศ.1942 ติดปืนใหญ่ขนาด 20 ม.ม. 4 กระบอก ปืนกลขนาด  7.93 ม.ม. 2 กระบอก บินด้วยความเร็วสูงสุด 625 กม./ชม.
ไต่ระดับได้สูง 670 ม./นาที


http://battlefield.wikia.com/wiki/Battle_of_Britain



เนื่องจากสงครามทำให้ต้องมีการพัฒนาอาวุธต่างๆให้ทันสมัย เครื่องบินขับไล่ Messerschmitt 110 ก็ได้รับการพัฒนาเช่นกัน โดยมีแก้ไขไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์, ระยะทางในการบิน, โครงร่างส่วนท้ายของเครื่อง หรือการแก้ไขการสูญเสียการควบคุมของเครื่องบินด้วย automatic leading edge slats
http://www.homebuiltairplanes.com/forums/general-experimental-aviation-
questions/9837-super-cub-retractable-leading-edge-slat-2.html
แล้วเรียกเครื่อง Messerschmitt 110 ใหม่ว่า "Messerschmitt 410" หรือสั้นๆว่า "Hornisse" แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "Hornet"


https://chindits.wordpress.com/2011/04/15/early-maps/



ภาพ St. Paul's Cathedral ท่ามกลางควันไฟที่เกิดจากการโจมตีอย่างหนักของเยอรมัน
วันที่29 ธันวาคม ค.ศ.1940 ในกรุงลอนดอน
http://www.theatlantic.com/photo/2011/07/world-war-ii-the-battle-of-britain/100102/


ประชาชนในกรุงลอนดอนใช้อุโมงรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบภัย ปีค.ศ.1940
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Blitz


Messerschmitt 410 ถูกส่งไปแนวหน้าเป็นครั้งแรกใน เดือนมกราคม ปีค.ศ.1943 เพื่อไปแทนที่
เครื่องบิน Do 217s และเครื่องบิน Ju 88s ในช่วงแรกเครื่องบิน Messerschmitt 410 ถูกใช้เป็นเครื่องบินขับไล่ในเวลากลางคืนและใช้ทิ้งระเบิดเหนือเกาะอังกฤษและแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย

http://www.fiddlersgreen.net/models/aircraft/Messerschmitt-Me410.html


สำหรับในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปีค.ศ.1944 เครื่องบิน Messerschmitt 410 ถูกใช้ในการป้องกันอาณาจักรไรซ์จากการโจมตีทางอากาศของพวกพันธมิตร และใช้เป็นเครื่องบินขับไล่ในแนวหน้าตะวันออกอีกด้วย

มีการติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 2นิ้ว น้ำหนัก900 ก.ก. ไว้ด้านใต้ของตัวเครื่องบินเพื่อเพิ่มผลในการทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดของข้าศึกเป็นเวลาครู่หนึ่ง เมื่อยิงจะมีแรงถีบขนาด 7ตัน สามารถบรรจุกระสุนขึ้นเครื่องได้สูงสุด 21 นัด

เครื่องบิน Messerschmitt 410 มีผลในสงครามไม่ได้มากไปกว่าเครื่องบิน Messerschmitt 110
แต่เครื่องบิน Messerschmitt 410 ได้ถูกสร้างขึ้นมามากกว่า 1100 ลำ ก่อนจะถูกตัดออกจากสายการผลิตใน เดือนกันยายน ปีค.ศ.1944


http://www.fiddlersgreen.net/models/aircraft/Messerschmitt-Me410.html


แหล่งอ้างอิง
http://www.fiddlersgreen.net/models/aircraft/Messerschmitt-Me410.html
จากหนังสือ: THE WORLD ENCYCLOPEDIA OF FIGHTERS AND BOMBERS
http://battlefield.wikia.com/wiki/Battle_of_Britain
https://chindits.wordpress.com/2011/04/15/early-maps/
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Blitz
http://www.theatlantic.com/photo/2011/07/world-war-ii-the-battle-of-britain/100102/

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

              เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

                ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตของมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เสมอ และในบางครั้งคนเราก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไปว่ากำลังใช้และพึ่งพาเทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราในปัจจุบันล้วนได้รับการพัฒนามาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจนนำมาผลิตเป็นสิ่งของเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์มากมายไม่ว่าจะเป็น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานสำนักงาน ,ในงานอุตสาหกรรม หรือในงานการเงินและการพาณิชย์
https://sites.google.com/site/pnru261/tecnology-for-life

https://sites.google.com/site/pnru261/tecnology-for-life









ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี

1.    การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ใช้ในระบบติดต่อสื่อสารคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้รวดเร็วขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น

2. เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส ทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ทำให้มีการกระจายโอการการเรียนรู้ มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกลนอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร

3.สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ คำนวณระดับคะแนน

4. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การพยากรณ์อากาศ การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่า “โทรมาตร” เป็นต้น

5. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม

6. การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก และราคาถูกลงทำให้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น

7. เปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูล และการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่าง ๆ จึงเน้นรูปแบบการบริการแบบกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามารถสอบถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์

8. อำนวยความสะดวก สำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในองค์การประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทำด้วยระบบ ระบบเวระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษีในองค์การทุกระดับเห็นความสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้

9. ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม จำเป็นต้องหาวิธีในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทำให้เกิดระบบอัตโนมัติ

10. เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ

11. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ ความเชื่อมโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์

12. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมากขึ้น หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย การดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว โดยอาศัยการใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว

13. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส และสามารถตอบสนองตามความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง

14. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา

15. เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้งยังทำให้วิถีการตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น
16. เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ

17.เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ ความเชื่อมโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์

18. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมากขึ้น หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย การดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว โดยอาศัยการใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว

19. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส และสามารถตอบสนองตามความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง

20. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา

21.เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้งยังทำให้วิถีการตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้
ละเอียดขึ้น
http://montfort40651.blogspot.com/2011/04/blog-post.html



แหล่งอ้างอิง

http://my.dek-d.com/hierophant/blog/
https://sites.google.com/site/pnru261/tecnology-for-life
http://montfort40651.blogspot.com/2011/04/blog-post.html